พฤศจิกายน 24, 2024

สลดศพเป็นกอง เก็บกู้หมดแล้วมีคนไทยด้วย หนุ่มเล่านาทีชีวิต ฮามาสบุกแคมป์ถล่มหลุมหลบภัย กันได้ทุกอย่าง แต่ประตูปิดไม่ได้ โชคดีแอบแยกห้อง คนไทยรอด 11 คน

วันที่ 11 ต.ค.66 หลังจากเกิดเหตุกลุ่มฮามาส ร้านขายยาใกล้ฉัน ร้านขายยา ร้านขายส่งยา บุกโจมตีอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมทั้งแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอลต่างได้รับควมเดือดร้อน ทั้งเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับเป็นตัวประกัน โดยล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า แรงงานไทยเสียชีวิตแล้ว 20 ราย ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม 13 ราย ถูกจับเพิ่มเป็น 14 ราย

ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเผยภาพบ้านพักแห่งหนึ่งที่มีแรงงานไทยพักอยู่ด้วย ในพื้นที่ภาคใต้ของอิสราเอล ซึ่งเป็นภาพหลังเกิดเหตุสถานการณ์รุนแรงจากกลุ่มฮามาสบุกเข้าพื้นที่โจมตีเป็นกลุ่มแรก โดยจะเห็นสภาพบ้านถูกยิงถล่มจนได้รับความเสียหายยับเยิน และเจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิตหลายรายอีกด้วย

ล่าสุด หนุ่มแรงงานไทยที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้โพสต์คลิปเล่าเหตุการณ์หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของอิสราเอลยังไม่สามารถเข้าไปเก็บกู้ศพได้ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บกู้ศพเรียบร้อยแล้ว โดยหนุ่มแรงงานไทยได้เล่าพร้อมบรรยาตามคลิปว่า

วันนี้ทางการอิสราเอลได้เข้าเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว ตนได้ภาพจากที่เกิดเหตุ ซึ่งในคลิปนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำศพของผู้เสียชีวิตทั้งคนไทยและชาวเนปาล ซึ่งมีหลายรายใส่ถุงห่อศพไว้ แล้วค่อยลำเรียงขึ้นรถบรรทุกตู้ จากนั้นพาไปดูจุดที่ตัวเองหลบอยู่ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ มีกระถางต้นไม้วางอยู่ ซึ่งหลบอยู่คนเดียว ส่วนที่เกิดเหตุเป็นบังเกอร์ที่ไว้หลบภัยมีคราบเลือดเป็นทางออกมาจากด้านใน และตรงข้ามก็เป็นที่พักของคนไทย มีร่องรอยถูกเผาจนเหลือแต่ซาก

ส่วนด้านในบังเกอร์นั้นผู้ก่อการร้ายได้บุกเข้าไปด้านในแล้วใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มแรงงาน ยิงเสร็จแล้วก็โยนระเบิด กันกระสุนได้ กันระเบิดได้ แต่ประตูปิดไม่ได้ จึงทำให้ผู้ก่อการร้ายเข้าไปยิงได้ สำหรับญาติพี่น้องที่รอรับอยู่ก็สามารถติดต่อไปยังสถานทูตได้

ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์คลิปขณะอยู่ในที่ปลอดภัยพร้อมกับเพื่อนแรงงชาวไทยรวม 6 คนที่รอดชีวิต จากนั้นก็ได้ให้บอกชื่อและจังหวัดบ้านเกิดของแต่ละคน และบอกอีกว่ารอดชีวิตทั้งหมด 11 คน อีก 4 คนยังไม่ตื่น ส่วนอีก 1 คนยังไม่ฟื้นกำลังผ่าตัดอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้ระแวงไปหมด แค่เสียงลากเตียงยังผวา

ชมคลิปต้นฉบับได้ที่นี่

อ่านข่าวเพิ่มได้ที่ : https://www.khaosod.co.th

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *